เก่งอังกฤษได้ใน 7 วัน

อยากเก่งภาษาอังกฤษให้ได้ใน 7 วัน ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันแต่อย่างใด ใครๆ ก็ทำได้ แต่ก่อนอื่นคุณต้องทำความเข้าใจกับกระบวนการทางความคิดของตัวเองให้ได้เสียก่อน

ใครๆ ก็ว่าง่าย มันก็ง่ายๆ จริงๆ นะ

ปัญหาคือ คุณจะยอมโดนล้างสมองก่อนหรือเปล่า เพราะคิดแบบเดิมๆ พูดแบบเดิมๆ สำเนียงเดิมๆ คุณไม่มีทางเปลี่ยนแปลงอะไรได้

The Science Behind Improving English Speaking

1. หลักการว่าด้วยวิทยาศาสตร์

ผลงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ว่าด้วยเรื่องของการเรียนรู้ด้านภาษา ไม่ได้เกิดจากกรรมพันธุ์แต่เกิดจากสภาพแวดล้อมและการฝึกฝน (ตัวอย่างปรำปรา ว่าด้วยเมาคลีลูกหมาป่าสามารถสื่อสารกับสัตว์ได้)

ก่อนที่คุณจะทำความเข้าใจด้านภาษา คุณต้องเข้าใจวัฒนธรรมการสื่อสารเสียก่อน เพราะวัฒนธรรมหรือ Culture ของแต่ละภาษาแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน อย่างภาษาอังกฤษก็มักจะมีรูปแบบที่ตายตัว แต่ไม่ตายตัว (ตอนสอบก็ตกม้าตายกันตรงนี้แหละ)

วัฒนธรรมการใช้ภาษาอังกฤษจริงๆ แล้วมีความแตกต่างจากการใช้ภาษาไทยอยู่มาก แทบจะเรียกได้ว่าพวกที่มีปัญหาในการพูดภาษาไทยจะไ้ด้เปรียบเลยทีเดียว เพราะโครงสร้างประโยคมักจะวางสลับกันและไม่เหมือนกัน เช่น

S + V + O (ประธาน + กริยา + กรรม)

ส่วนภาษาไทยไม่ต้องมีก็ได้ ไม่เชื่อก็ลองแปลเพลงชาติไทยดูสิ เคยเจอตอนสอบหนหนึ่ง หัวจะปวด

Idioms Make You Sound Like a Native English Speaker

2. คำแสลงรู้มากก็มีเรื่องเม้าท์มาก

คำแสลงส่วนใหญ่จะมีในข้อสอบ แทบจะทุกที่เลยก็ว่าได้ เพราะว่ามันเป็นตัวกำหนดว่าคุณมีความรู้ด้านภาษาอังกฤษดีแค่ไหน และแน่นอนว่าใครๆ เขาก็ใช้กัน มีมากมายหลากหลายสำนวน หลายประเภท คำเดียวกันคนละบริบทคนละความหมายก็มี เช่น

Early bird (นกก่อน???) = คนตื่นเช้า / มาก่อนใคร

All wet (เปียกหมดเลย???) = ทำผิดไปหมด

On cloud nine (บนเมฆเก้า???) = มีความสุขจุงเบยยย

Indy is a straight arrow. (อินดี้เป็นตรงลูกศร???) = อินดี้เป็นคนซื้อสัตย์ เชื่อถือได้ (ใครจะไปรู้ล่ะ แฮร่) 

Essential Skills

3. ฟัง พูด อ่าน เขียน ฝึกอันไหนก่อนดี

ลองย้อนกลับไปสมัย 1 ขวบ เราพูดภาษาพ่อ ภาษาแม่ได้อย่างไร ก็ฝึกเยี่ยงนั้นเลย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับสถานบันการศึกษา (โดยเฉพาะภาครัฐ) นี่เน้นให้นักเรียนอ่านแล้วค่อยมานั่งเขียนในห้องสอบ ประเภทแกรมม่ายากๆ นี่ไม่รู้ไปขุดมาจากไหน (หัวจะปวด) คนที่ท่องเก่งนี่ได้เปรียบชาวบ้านหน่อย (เราก็เคยเป็นนะบอกเลย) แต่พวกได้เกรด A ภาษาอังกฤษนี่น่าห่วงเพราะเจอต่างชาติจริงๆ ตกม้าตายกันเยอะ

เริ่มจากตอนที่เราเป็นเด็ก เราฟังแต่ละคำกว่าจะพูดได้นี่ฟังพ่อแม่สอนเป็นพันๆ ครั้ง (พูดภาษาอังกฤษไม่ได้อย่าได้น้อยใจไปเลย เล็กน้อยเมื่อเทียบกับตอนเราเป็นเด็ก) พอฟังมากๆ เข้าก็อยากฝึกพูดบ้าง (พูดกว่าจะชัดก็บางคน 5 ขวบยังพูดไม่ชัดเลย) 

ถึงตรงนี้เห็นอะไรบางอย่างหรือยัง???

เราต้องฝึกกลับย้อนไปเป็นเด็กอีกครั้งกับการเรียนภาษา เพราะว่าทุกๆ ทักษะใช้หลักการท่องจำในสมองไม่ได้ ต้องปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ แกรมม่าโยนทิ้งไปก่อน (เชื่อพี่ ฮ่าๆ)

ฟังมาก – ฝึกพูดให้มาก – อ่านบ้างประกอบกันไป – เห็นอะไรก็จดๆ เขียนๆ

Improve Your English

4. หาไอดอลสิ รออะไร

ทฤษฎีนี้ว่ากันว่า เมื่อไหร่ที่ฝันว่าได้เม้าท์มอยกับต่างชาติ เมื่อนั้นท่านสำเร็จแล้วทางธรรม (อ้าว ล้อเล่นนน) การที่เราฟังภาษาอังกฤษบ่อยๆ จากคนที่เรารักและหลงไหลนั้นเป็นเรื่องที่น่าจะทำก่อน หรือฝึกร้องเพลงโปรดสักเพลง เอาให้สำเนียงเป๊ะเว่อร์ไปเลย แล้วทักษะนี้ก็ใช้ทำมาหากินได้ตลอด (จริงๆ นะ ร้องได้อยู่เพลงเดียวแหละ Big Big World) 

สำเนียงภาษาอังกฤษไม่เหมือนกัน แบบอเมริกันก็อย่าง อังกฤษก็อย่าง คำศัพท์ก็ไม่เหมือน (แล้วใครสนล่ะ??) แล้วยิ่งเรียนนานาชาติด้วยแล้วหัวจะปวดบอกเลย สำเนียงอินเดียก็ไปทาง สำเนียงฟิลิปปินส์ก็ไปทาง

ดังนั้น ใช้เทคโนโลยีสมัยนี้ให้เป็นประโยชน์ รักใครชอบใครก็ไปกดไลค์กดติดตามเขาไปเลย เขาพูดอะไร เราพูดด้วย แบบนี้ ไม่เกิน 1 เดือน คำศัพท์จะเพิ่มขึ้นจนสามารถสื่อสารได้อย่างคล่องแคล่วแน่ๆ (รับประกัน ทำมาก่อนแล้ว) อย่าลืมเพิ่ม App TedTalks เข้าไปด้วย อันนี้เจ๋งจริง

Speak More Naturally Using Phrasal Verbs

5. วลีดีๆ เด็ดๆ มีให้ฝึกไม่ไ่ด้มีให้จำ

หลายๆ คนชอบปริ้นท์สำนวนเด็ดๆ ไว้ในกองกระดาษ หรือไม่ก็แอบเซฟไฟล์ไว้ในไดร์ฟ จากประสบการณ์บอกเลยว่ามันไม่ได้ไหลเข้าไปในหัวสมองเลยสักนิด

อยากเก่งต้องดูคลิป YouTube ดูๆ แล้วก็พูดๆ ตาม ความหมายเป็นอย่างไรก็ช่างมันเหอะ (ก็ยังไม่มีคนมาคุยด้วยนี่เนอะ) แต่ถ้าจะให้มีจริงๆ ก็จัดไปจ้ะ ตอนนี้ App หาเพื่อนชาวต่างชาติมีเยอะแยะ บางทีก็ไม่ได้เพื่อนแหละ มีคนรู้ใจแทน (ปรึกษาหลังบ้านมาดีกว่าน่าาา เดี๋ยวจะพาออกล่า ฮ่าๆ)

Advanced Grammar Concepts

6. ฝรั่งก็สอบตกเหมือนกันนะ

คอนเซฟต์ขั้นสูง ไม่ได้มีไว้เขียนให้อ่าน เอาจริงๆ ตั้งเป้าไปเลยว่าจะเอาไปสอบอะไร สมมุติว่าจะสอบ Ielts ก็จะทำให้เรากระตือรือล้นมากขึ้น (ก็ค่าสอบแพงนี่เนอะ) แบบนี้จะทำให้เรามีทักษะการฝึกอย่างมีเป้าหมายไปในตัว ผิดถูกเอาไว้ก่อน เพราะฝรั่งเองก็สอบตกเหมือนๆ ตอนเราสอบตกภาษาไทยนั่นแหละ

แต่ทักษะเหล่านี้ ก็ต้องผนวกกับทัศนคติและวิสัยทัศน์ด้วย ไม่อย่างนั้นก็นำพาเราสู่หนทางความมั่งคั่งไม่ได้ รู้ไปก็เปล่าประโยชน์ สุดท้ายก็ “ถตถต”

Practices

7. ฝึกยังไงให้เป็นเซียน

มาถึงวันนี้ วันที่ 7 ก็อยากจะบอกว่าไม่มีอะไรเอาชนะความเพียรพยายามได้ ดังนั้นให้ทบทวนวันที่ 1-6 เป็นประจำ 

แต่อย่าลืมว่า อย่าฝึกทำอะไรซ้ำๆ แล้วหวังผลลัพธ์ที่แตกต่าง เพราะนั่นคือวิถีของคนวิกลจริต

“Insanity Is Doing the Same Thing Over and Over Again and Expecting Different Results”

-Albert Einstein-

เรียนในคอร์ส คลิกที่นี่

ส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยตัวเอง

เพราะจินตนาการ สำคัญกว่าความรู้
แต่สิ่งที่เหนือกว่าความรู้สู่ความมั่งคั่งคือ "ทักษะ"
และทักษะต้องฝึกฝนด้วยตัวเอง

นักเรียนเข้าเรียน คลิกที่นี่ ลงทะเบียนสร้างธุรกิจออนไลน์ คลิกที่นี่

Leave a Reply